เสียงสะท้อนจากอดีตสู่มุมมองแห่งอนาคตต้อนรับ OAKLEY® FUTURE GENESIS

เสียงสะท้อนจากอดีตสู่มุมมองแห่งอนาคตต้อนรับ OAKLEY® FUTURE GENESIS

Oakley ขอนำเสนอ Maxine Fearlight ที่จะนำพาเราก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสกว่าเดิม

นับตั้งแต่ที่ Oakley® ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1975 ทางแบรนด์ไม่เคยหยุดที่จะมองการณ์ไกลและได้ส่งต่อมุมมองนั้นผ่านแว่นตาที่ถูกรังสรรค์ขึ้นในปัจจุบัน เพื่อกำหนดเส้นทางและสืบต่อเจตจํานงค์ของแบรนด์ ในวันนี้ Oakley ได้ปลุกจิตวิญญาณความเป็นผู้นำ ในตัวเองเพื่อก้าวไปสู่อนาคตอันสดใสโดยยึดหลักการดั่งเดิมเป็นตัวชี้นำทางในการต้อนรับ Future Genesis

เพื่อเริ่มต้นเดินไปกับเส้นทางใหม่ๆโดยมีรากฐานมาจาก DNA ของแบรนด์เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่จะนำมาสู่ภาพลักษณ์ที่ได้รับการปรับโฉมด้วยความสร้างสรรค์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ถ่ายทอดมาจาก Maxine Fearlight ตัวเอกล่าสุดในภาพยนตร์ของ Oakley

Caio Amato หัวหน้าฝ่ายการตลาดได้กล่าวว่า “ที่ Oakley เราไม่เชื่อในการทำนายอนาคตเพราะเราสร้าง อนาคตด้วยมือของเราเอง" และ "Oakley มีชื่อเสียงมาตลอดในเรื่องขอการมองไกลที่มีต่ออนาคตโดย ถูกถ่ายทอดออกมาสู่แว่นตาและการตกแต่งร้านของเราเอง ซึ่ง Future Genesis ได้พัฒนาสิ่งนี้ไปอีกขั้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราทุกคนจะเดินไปถึงปลายทางเดียวกัน โดยเราได้ปลุกคืนชีวิตตัวละครฮีโร่ในยุค 90 อย่าง Max Fearlight กลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพัฒนาเรื่องราวขึ้นมาใหม่โดย Max จะได้เห็นโลกผ่าน มุมมองของลูกสาวอย่าง Maxine นักสำรวจสาวผู้กล้าหาญ สู่บริบทโฉมใหม่ของแบรนด์ที่สะท้อน ถึงความ ฉีกกรอบของ Oakley แต่ยังคงแนวคิดที่เน้นไปทางการพัฒนาและความเป็นไปได้ในอนาคต Future Genesis คือสุดยอดพื้นที่ให้เราได้สร้างสรรค์แว่นตาใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และได้ถ่ายทอดอัตลักษณ์ ที่แท้จริงของแบรนด์ในแบบที่ท้าทายโลกภายนอก ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เรากลัวไม่ใช่รังสี UV แต่คือความจำเจ”

Future Genesis เผยโฉมแรกชวนตื่นตาในรูปแบบภาพยนตร์สั้น 2 เรื่องที่ชวนให้ผู้ชมนึกถึงภาพยนตร์ เรื่องแรกของโลกจาก Oakley ในปี 1992 อย่าง “Max Fearlight” โดยภาพยนตร์ 2 ชิ้นนี้ถ่ายทอดความ เชื่อมโยงระหว่างอดีตและอนาคตเพื่อสะท้อนถึงสังคมยุคโพรโทเปียอย่างที่แบรนด์ต้องการนำเสนอโดย บอกเล่าเรื่องเราระหว่างพ่อกับลูกสาว Max เป็นตัวแทนของอดีตซึ่งมีมุมมองแบบดิสโทเปีย หรือแนว ความคิดต่อโลกหรือสังคมที่เลวร้ายที่เป็นดังรากฐานของ Oakley และได้นำเสนอสู่โลกภายนอก Future Genesis พา Max ไปสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยนำเสนอตัวเอกตัวใหม่สำหรับแบรนด์ นั่นคือ Maxine Fearlight ที่มุ่งสร้างเอกลักษณ์ในฉบับของเธอ Maxine เป็นตัวแทนของความฝันแห่งอนาคต แบบโพรโทเปียหรือมุมมองอนาคตที่มีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่าสำหรับแบรนด์ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดแทรก อยู่ในชิ้นงานของ Oakley และพาร์ทเนอร์ต่างๆจึงก่อเกิดเป็นแว่นตาที่ผสานดีไซน์รูปลักษณ์สุดลํ้าที่ยก ระดับให้กลายเป็นงานศิลปะตระการตา

“Future Genesis จะผลักดันให้เราไปสู่ความทะเยอทะยานอีกระดับแต่ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ที่เป็นดั่งรากฐานเดิมของแบรนด์” Brian Takumi รองประธานฝ่ายครีเอทีฟที่ Oakley “Maxine เป็นดัง จิตวิญญาณของผู้ที่เคารพต่ออดีตและมีความทะเยอทะยานมุ่งไปสู่อนาคตที่ดีกว่าซึ่งเป็นความมุ่งมั่นเดียว กับของทางแบรนด์ในการรังสรรค์แว่นตาหัวใจหลักของแบรนด์ในการ ออกแบบแต่ละครั้งไม่ได้ยึดตาม เทรนด์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในสังคมแต่เป็นการสร้าง สรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาแทน Future Genesis จะเป็น พื้นที่ในการพัฒนาเทคโนโลยีและดีไซน์ให้กับ เราเพื่อขับเคลื่อนแบรนด์และอุตสาหกรรม ไปสู่อนาคต เพื่อเป็นการสานต่อความฝันและความมุ่งมั่นของเราสู่แว่นตารุ่นนี้โดยผ่านการร่วมมือและแคม เปญนี้ด้วยกัน”

เรายังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในภาพยนตร์สั้นนี้เพื่อจุดประสงค์อื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นด้วย และเพื่อเป็นการ โปรโมทแว่นรุ่นดั้งเดิมของเราที่ได้รับการแปลงโฉมใหม่ปรับให้เข้ากับคอนเซปต์ดิจิทัลอย่างรุ่น Medusa  โดย Max ได้สวมใส่แว่นรุ่นนี้เพื่อสะท้อนถึงความความปรารถนาของ Max ที่จะสำรวจโลกเสมือนจริง นอกจากนี้เราจะได้เห็นแว่นตารุ่น 13:11 ที่ได้แรงบันดาลใจจากแว่นที่ Maxine สวมใส่ในตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งจะเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2024

ภาพยนตร์สั้น 2 เรื่องนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และจะยังมีอะไรอีกมากมายให้ได้สำรวจกันในปีที่จะ ถึงนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ สามารถติดตาม Future Genesis ได้บนเว็บไซต์ project2075.oakley.com ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมเป็นต้นไป

ติดต่อเรา
CLAIRE BARRY OAKLEY GLOBAL PR DIRECTOR
CLAIRE BARRY OAKLEY GLOBAL PR DIRECTOR