เรื่องราวพิชิตความท้าทาย: OAKLEY เฉลิมฉลอง 50 ปีในการก้าวข้ามขีดจำกัด

เรายังคงกำหนดนิยามใหม่ให้กับกีฬา วัฒนธรรม และนวัตกรรมต่อไปจากจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า นี่คือ Oakley

แบรนด์ที่ไม่เพียงแต่ทำนายอนาคต แต่ยังใช้เวลากว่า 50 ปีในการปูเส้นทางไปสู่อนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ แบรนด์ก็ไม่เคยมองข้ามความเชื่อและค่านิยมที่แท้จริง

วันครบรอบ 50 ปีไม่ใช่การย้อนกลับไปมองอดีต แต่เป็นสัญญาณถึงการก้าวต่อไปข้างหน้า นี่คือความท้าทายในการนิยามอนาคตที่จะมาถึงใหม่อีกครั้ง เพื่อมองการณ์ไกล เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ เพื่อละทิ้งวัฏจักรของ "ขนบเดิมๆ" และหันมามอง "ความเป็นไปได้ใหม่ๆ" ผ่านการพลิกโฉม รังสรรค์นวัตกรรมใหม่ และก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยศาสตร์การลงมือทำในสิ่งที่เรามองข้ามไป หากวิวัฒนาการใช้เวลามากเกินไป เราก็จะทำลายปัจจัยด้านเวลาลง

ความจริงก็คือ เราไม่จำเป็นต้องหวังเพิ่งโลโก้ตั้งแต่แรก เนื่องจากเอกลักษณ์ของเราเป็นประจักษ์ชัดแจ้งอยู่ในความรู้สึก ดีไซน์ และวิสัยทัศน์ เราผสานรวมดีไซน์ นวัตกรรม และการเล่าเรื่องราวไว้ในผลงานของเรา

“Oakley เป็นผู้กำหนดขอบเขตของความเป็นไปได้มาโดยตลอด และก้าวข้ามขอบเขตดังกล่าว” Caio Amato ประธานระดับโลกของ Oakley กล่าว “พวกเราทุกคนจึงสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวเพื่อจุดประกายให้ทุกๆ คนยังคงแสวงหาความเป็นไปได้ต่อไป วันครบรอบ 50 ปีไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองในความสำเร็จของเรา แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้เปิดมุมมองใหม่ๆ กล้าที่จะรังสรรค์ยิ่งขึ้น และกำหนดอนาคตอันไร้ขีดจำกัดของเราด้วยการมองโลกในแง่ดีด้วยมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งนำพาให้เรามาถึงจุดนี้ได้ เราไม่ได้คาดการณ์อนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า แต่เรากำลังปูเส้นทางไปสู่อนาคตอยู่!"

ทุกอย่างเริ่มต้นจากด้ามจับ และด้ามจับนั้นก็ได้พาทั้งโลกจับจ้องมาจนถึงวันนี้ เรื่องราวของเราไม่ได้เริ่มต้นในห้องทดลองหรือห้องประชุมคณะกรรมการ แต่เริ่มจากด้ามจับแฮนด์จักรยานยนต์ รวมถึงไอเดียที่ชาญฉลาดและสุดแหวกแนวในปี 1975 Jim Jannard ผู้ก่อตั้งของเรา ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์เพียงคนเดียวด้วยความเชื่อที่จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ “ทุกสิ่งในโลกเป็นไปได้และอนาคตของเราจะดีขึ้น มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำและจะทำเมื่อไหร่”

วิสัยทัศน์นี้เองที่เกิดขึ้นกับด้ามจับแฮนด์จักรยานยนต์ ซึ่งเป็นจุดที่มนุษย์กับเครื่องจักรมาพานพบกัน Jim จินตนาการถึงวัสดุด้ามจับที่ขึ้นรูปให้เข้ากับมือ เหนียวแน่นขึ้นเมื่อเหงื่อออก และควบคุมได้ดีขึ้นเมื่อนักขี่บิดแรงขึ้น เขาเรียกวัสดุชิ้นนี้ว่า Unobtainium™

และความสำเร็จครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตลอด 5 ทศวรรษ

เมื่อเรามีทีมวิจัยและพัฒนาที่แหวกแนวที่เต็มไปด้วยนักปั่น BMX มืออาชีพ เราจึงสามารถดำเนินงานในแนวทางที่นักกีฬาไม่ได้เพียงแค่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขามีอิทธิพล แต่ยังช่วยพัฒนาแบรนด์ด้วย วัฒนธรรมและภูมิประเทศของเรากลายเป็นห้องทดสอบจริง และการล้มทุกครั้ง เลนส์ที่แตกทุกตัว และเฟรมที่บิดเบี้ยวก็ได้กลายเป็นข้อมูลจากแนวหน้าของการทดสอบประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมจริง

การมองโลกให้เป็นดั่งวัตถุดิบและมีนักกีฬาระดับแนวหน้าเป็นตัวแทนภาคสนามที่ฝังตัวอยู่ คือจุดเริ่มต้นในอัตลักษณ์ที่ฉีกขนบเดิมๆ ของเรา เพราะนี่ไม่ใช่แค่การปรับตัวเข้ากับโลก แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ค้นพบในสิ่งที่เราไม่คาดคิด

ระบบแว่นที่สร้างมารับมือกับขีดจำกัดในศักยภาพของมนุษย์
ในโลกที่การมองเห็นเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอด เราจึงได้ออกแบบวิธีการมองเห็นรูปแบบใหม่ เป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ปกป้องดวงตาที่ก้าวข้ามขีดจำกัดในความเป็นไปได้ทางกายภาพและทางสายตา

เหตุนี้เอง เราจึงมองไปไกลกว่านักออกแบบแว่นตาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยได้เชิญผู้มีวิสัยทัศน์จากแวดวงการขนส่ง สถาปัตยกรรม การออกแบบอุตสาหกรรม และด้านหุ่นยนต์มาร่วมกันกำหนดนิยามใหม่ให้กับแว่นตา และนั่นก็คือการสร้างระบบที่ใช้งานได้ดี ขนาดที่เหมาะสม และความรู้สึกแยกออกจากกันไม่ได้

  • คลังแสงที่รวมธาตุต่างๆ: เราค้นหาวัสดุจากตารางธาตุ ตั้งแต่วิศวกรรมศาสตร์ไปจนถึงมิลลิเมตร ตั้งแต่ Unobtainium™ ไปจนถึง Plutonite™, C5™, X-Metal®, Iridium® และธาตุอื่นๆ อีกมากมาย เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเหล่านี้จึงสร้างขึ้นมาเพื่อทนต่อความร้อน แรงดัน รังสี และแรงจลน์ที่รุนแรงได้
  • ระบบนิเวศเทคโนโลยีที่ผ่านการทดสอบภาคสนาม: การสวมแว่น Oakley หมายถึงการก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศเทคโนโลยีเพื่อดวงตาที่ผ่านการทดสอบภาคสนาม ซึ่งเปลี่ยนชีววิทยาให้เป็นเครื่องจักร และเปลี่ยนการมองเห็นให้เป็นความเร็ว เราใช้ Plutonite® ซึ่งเป็นวัสดุเลนส์ที่ทนทานและมีความบริสุทธิ์ทางแสงสูงของเราในการผลิตเลนส์ทุกชิ้น เลนส์ของเราออกแบบมาทั้งในด้านรูปทรงและวัสดุ จึงมาพร้อมคุณสมบัติป้องกันแรงกระแทก กรองรังสีหรือปริซึมได้อย่างแม่นยำ และคมชัดปราศจากปัญหาความผิดเพี้ยน
  • เรขาคณิตเชิงสรีรวิทยาในเลนส์ XYZ: สำหรับเราแล้ว อนาคตของผลิตภัณฑ์แว่นตาไม่ได้เกี่ยวกับการมองโลกตามที่มันเป็น แต่เกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบที่โลกมองเห็นผู้สวมใส่ รูปทรงเรขาคณิตของเลนส์คือหัวใจสำคัญของแนวทางดังกล่าว เริ่มต้นด้วยรูปทรงเรขาคณิตของเลนส์ Polaric Ellipsoid™ ดีไซน์ที่จดสิทธิบัตรของเรา ซึ่งรักษาความคมชัดของภาพในทุกมุมมอง โดยยังคงสอดคล้องกับสรีระตามธรรมชาติของใบหน้ามนุษย์ ซึ่งในวิวัฒนาการครั้งต่อไปนั้น XYZ Optics® จะมาพร้อมกับเลนส์ทรงกลมคู่แรกที่ออกแบบให้สอดคล้องกับความโค้งตามธรรมชาติของสายตา เป็นเวลา 17 ปีที่เรากำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพด้านการมองเห็น จึงส่งผลให้การแข่งขันล้าสมัย แต่สำหรับเรา นวัตกรรมไม่ใช่เส้นชัย แต่มันคือความท้าทายที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดอีกครั้ง
  • การบันทึกภาพถ่าย: จากความสำเร็จในเทคโนโลยีโฟตอนปรับการรับแสงที่สร้างการรับรู้และคอนทราสต์ของเรา เราจึงเลือกใช้ HDO® (เลนส์ความคมชัดสูง) เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ที่มนุษย์ตอบสนองต่อแสง จากเลนส์ที่คมชัดดุจคริสตัลสู่แว่นตาที่ป้องกันแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เราจึงออกแบบเลนส์ให้ครอบคลุมทุกสภาพแสง ตั้งแต่สภาวะสว่างไปจนถึงสภาวะเกือบมืดสนิท

นวัตกรรมที่ผสานรวมเข้ากับศิลปะ
เราไม่ได้ขึ้นชื่อในด้านผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ผสานรวมสุนทรียศาสตร์ ฟังก์ชันการใช้งาน และอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เรายกระดับฟิสิกส์ให้เป็นรูปแบบศิลปะด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เราจึงไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งโลโก้อีกต่อไป

ตั้งแต่วันแรก การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้แทรกซึมอยู่ในอัตลักษณ์ของเรา ทำลายวงจรเดิมๆ เพื่อสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเปรียบเสมือนพจนานุกรมอันเลื่องชื่อของอุตสาหกรรมแว่นตา ในตอนนี้ แม้จะผ่านมา 50 ปีแล้ว แต่เราก็ยังคงเร่งสร้างสิ่งที่เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยการนำแนวทางการออกแบบของเรามาแปรเปลี่ยนไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นประสิทธิภาพและไลฟ์สไตล์ที่สร้างขึ้นเพื่ออนาคตให้กับโลกปัจจุบัน

  • ปี 1975 ด้ามจับแฮนด์จักรยานยนต์ในวันแรกเริ่ม: ด้ามจับแฮนด์จักรยานยนต์ได้บุกเบิกเส้นทางไปสู่แว่นตา
  • ปี 1980 แว่นตา OAKLEY รุ่น ORIGINAL: ก้าวแรกอันกล้าหาญของเราสู่วงการแว่นตา อัตลักษณ์นี้เองที่ได้พัฒนามาเป็นแว่นตา O/20 ดีไซน์ใหม่อย่างครบเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อลุยโคลน หิมะ ทราย และคลื่น ด้วยเลนส์ที่ปราศจากปัญหาความผิดเพี้ยน มองเห็นรอบข้างได้ดีขึ้น และถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แว่นรุ่นนี้จึงได้กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมและได้รับการขนานนามใหม่ กรอบ O สิ่งที่ตามมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการแว่นตาสมัยใหม่ กรอบ Pro Frame ได้นำเสนอการเคลือบเลนส์ Iridium เพื่อกรองแสง กรอบ L ได้รับการออกแบบให้สวมทับเลนส์ RX ได้ กรอบ E นำเสนอดีไซน์ที่เรียบง่ายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • ปี 1984 แว่นกันแดดรุ่น FACTORY PILOT: แว่นรุ่นนี้เริ่มในปี 1984 ขณะเดินทางขับรถไปตามทางหลวงแปซิฟิกโคสต์ เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหนือมหาสมุทรและแสงส่องผ่านด้านข้างกรอบแว่น ทำให้ Jim Jannard มองเห็นปัญหาและวิธีในการแก้ไขทันที เมื่อไปถึงห้องทำงาน เขาได้ตัดเลนส์ งอไม้แขวนเสื้อเป็นก้านเกี่ยวหู และยึดเลนส์ทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยเทปพันสายไฟ กลายเป็นแว่นตาต้นแบบที่มีเลนส์ปกคลุมทั่วทั้งระยะสายตาเช่นเดียวกับแว่น Oakley MX แว่นตาที่เน้นประสิทธิภาพจึงถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลานั้นเอง และได้พลิกโฉมวงการกีฬาไปตลอดกาล
  • ปี 1985 BLADE และ RAZOR BLADE: เราต้องตอบสนองความต้องการทั้งทางสายตา จิตใจ และหัวใจ เพราะจะเร็วเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดูเร็วด้วย Blade ได้นำอัตลักษณ์ด้านประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับ Eyeshade มาผสานเข้ากับงานศิลปะชิ้นหนึ่งในแบบที่โลกยังไม่เคยเห็น ในการปรับรูปทรงให้สอดคล้องตามการใช้งาน เราจึงใส่ Trigger Earstem ซึ่งเป็นที่เกี่ยวหูที่ปรับมุมเลนส์ให้พอดีได้อย่างแม่นยำ เพื่อรังสรรค์รุ่นที่เล็กลงและคมชัดยิ่งขึ้น: Razor Blade
  • ปี 1994 EYE JACKET: กรอบแว่นที่พลิกโฉมวงการ Eye Jacket คือกรอบป้องกันดวงตาหุ้มสูง ออกแบบมาให้คล้ายเบ้าตาตามธรรมชาติของดวงตา แนบกระชับกับใบหน้าราวกับสนามพลัง แว่นตารุ่นนี้ได้นำเลนส์ความคมชัดสูง (High-Definition Optics: HDO®) มาสู่รูปแบบเลนส์คู่ โดยไม่สูญเสียความเร็ว ความดุดัน และความคมชัดของหน้ากาก แม้รูปทรงจะดูล้ำสมัยแล้ว แต่กรรมวิธีการสร้างก็เหนือจินตนาการยิ่งกว่า แว่นตาพิมพ์ 3 มิติรุ่นแรก ซึ่งออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดและยึดหลักปรัชญาที่ว่า "ทำในสิ่งที่คนอื่นกลัวที่จะทำและทำไม่ได้" เมื่อเปิดตัว Eye Jacket ก็ได้พลิกกระแสและจุดประกายให้กับโลกแห่งแว่นตาหลังจากนั้น หลังจากนั้น Straight Jacket ก็ผลิตตามมา พร้อมกับความโดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้น จากนั้นก็มีรุ่น Trenchcoat ที่โดดเด่นและมีขนาดใหญ่กว่า รุ่น Topcoat มีรูปทรงตาแมวที่เพรียวบางกว่า และรุ่น Racing Jacket ที่สร้างขึ้นด้วยการอัปเกรดทางเทคนิคสำหรับการแข่งขันระดับสูง เราได้ก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นจากปรากฏการณ์ใต้ดินสู่กระแสหลัก
  • ปี 1996 โลหะวิทยา: ในโลกที่โลหะสำหรับแว่นตามีรูปทรงโค้งงอ มีการประทับตรา และปลอดภัย แต่แบรนด์ของเราได้ฉีกกฎเกณฑ์และวิธีการเดิมๆ นี่คือ X Metal: กรอบโลหะแกะสลักชิ้นแรก ผลิตจากไทเทเนียมด้วยกระบวนการที่หนัก ใกล้เคียงกับการผลิตวัสดุที่ใช้ในอวกาศมากกว่าแว่นตาแบบดั้งเดิม ทั้งกระบวนการหลอมอย่างดุเดือดและขัดเกลาด้วยมือราวกับเป็นวัตถุโบราณหลุดมาจากอนาคต จึงเกิดเป็นรูปทรงโค้งที่ซับซ้อน ตรงตามรูปเรขาคณิต และดูเป็นไปไม่ได้ กรอบแว่นแต่ละชิ้นสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนที่ประณีต 27 ชิ้น ประกอบเข้าด้วยกันเป็นโครง X Metal เต็มรูปแบบ ผลงานชิ้นแรกได้รับการตั้งชื่อว่า Romeo ตามซิการ์คิวบา จากนั้นก็ตามมาด้วยรุ่น Juliet, Penny และ Mars ซึ่งแต่ละชิ้นเปรียบเสมือนบทหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การปฏิวัติวงการดีไซน์ของเรา นักกีฬา บุคคลระดับไอคอน แม้แต่คนที่ไม่ตามกระแส ต่างก็พากันสวมใส่ X Metal หลายทศวรรษต่อมา ตำนานก็ยังไม่เลือนราง ทั้งได้รับการยกย่องเป็นสมบัติล้ำค่าและถือเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและการออกแบบอันล้ำสมัยมาบรรจบกัน
  • ปี 1998 SHOE ONE: Shoe One ปรับมาเพื่อเท้าของมนุษย์ โดยสะท้อนถึงอุดมการณ์ของเรา นั่นคือการออกแบบดีไซน์ที่ยังไม่มีใครค้นพบมาก่อน สร้างสิ่งที่ไม่มีใครกล้าลงมือ ท้าทายขนบธรรมเนียมเดิม และก้าวไปสู่อนาคตอย่างฉับไว แม้โปรเจกต์รองเท้าล้ำสมัยจะยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในยุคนั้น แต่ในหลายๆ ด้านแล้ว รองเท้าคู่นี้ถือเป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ด้านดีไซน์ของเราอย่างแท้จริง และ Shoe One ก็ถูกบรรจุเข้าไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ของซานฟรานซิสโกในที่สุด ไม่ใช่ในฐานะรองเท้า แต่เป็นงานศิลปะเชิงอุตสาหกรรม เคียงข้างสัญลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมและเครื่องจักรที่พลิกโฉมยุคสมัยใหม่ สิ่งที่เริ่มต้นจากความแปลกแยกกลายเป็นรากฐาน กลายเป็นอุดมการณ์ที่ฝังแน่นอยู่ในพิมพ์เขียวด้านการออกแบบในอนาคต
  • ปี 2000 OVER THE TOP: Over The Top เปิดตัวครั้งแรกที่งานโอลิมปิกซิดนีย์และได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการแว่นตา แว่นตาระดับไอคอนิกนี้ผสานความสมจริงเข้ากับดีไซน์ที่ออกแบบมาโอบล้อมศีรษะ แทนที่จะแนบข้างศีรษะ นี่จึงนับเป็นการทดลองที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหมายจาก Oakley ซึ่งปูทางไปสู่นวัตกรรมแห่งอนาคต
  • ปี 2007 RADAR ® และ FLAK JACKET ® : ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำเสมอมา เราจึงผลักดันความเรียบง่ายให้ถึงขีดสุดด้วยการเปิดตัวแว่นตาเพิ่มอีก 2 รุ่น Radar ซึ่งมาพร้อมการเคลือบขั้นสูงเพื่อป้องกันเหงื่อ น้ำ และฝุ่น และ Flak Jacket ที่เปิดตัวดีไซน์เลนส์คู่ ทั้งสองรุ่นกลายเป็นสินค้าขายดีตลอดกาลและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแว่นตาสำหรับเล่นกีฬาที่เน้นประสิทธิภาพ
  • ปี 2012 SWITCHLOCK™: เมื่อเรารับฟังความต้องการของนักกีฬาแล้ว เราจึงเปิดตัวเทคโนโลยี Switchlock™ ที่ช่วยให้ปรับตัวได้รวดเร็วและทันท่วงที ดีไซน์นี้ออกแบบมาเพื่อการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีและรองรับการใช้งานในสภาวะความเร็วสูง จึงสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องใช้เครื่องมือ ไม่ต้องรอนาน มีเพียงนวัตกรรมความแม่นยำที่เหนือกว่าความท้าทายทางสภาพแวดล้อม
  • ปี 2014 เทคโนโลยีเลนส์ PRIZM™: Prizm™ คือเป็นการค้นพบมากกว่าผลิตภัณฑ์ เราเปิดตัวเทคโนโลยีนี้เพื่อเป็นการปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์ด้านการมองเห็น Prizm™ พลิกโฉมวงการด้วยการใช้ประโยชน์จากสีที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มความคมชัดและขยายรายละเอียดในทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่เส้นทางไปจนถึงเพชร ด้วยการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อเพิ่มความคมชัดและรายละเอียด Prizm™ จึงกลายเป็นมาตรฐานระดับสูงสำหรับการฝ่าหิมะ การเล่นกีฬา และการใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้นักกีฬาเปลี่ยนวิธีในการรับรู้ถึงสมรรถนะ
  • ปี 2021 OAKLEY KATO และเทคโนโลยีเลนส์ PHYSIOMORPHIC: ด้วยรูปทรงที่เหมือนหน้ากากของ Kato เราได้ทำให้เส้นแบ่งระหว่างแว่นตาและอุปกรณ์ต่างๆ เลือนหายไป เพื่อความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด เทคโนโลยีเลนส์ PhysioMorphic ซึ่งเป็นโครงสร้างภายนอกแบบออปติคัลช่วยมอบประสิทธิภาพเชิงโครงสร้าง ความคมชัดสูงสุด และสุนทรียศาสตร์เหนือจริง ทั้งยังได้รับรางวัลด้านการออกแบบระดับโลกและความนิยมชมชอบจากนักกีฬาทั่วโลกอีกด้วย
  • ปี 2023 FUTURE GENESIS และยุคสมัยใหม่: เมื่อเรามองถึงอนาคตของการเดินทางบนโลกความเป็นจริงแล้ว เราจึงเปิดตัวโปรเจกต์ Future Genesis การได้ร่วมมือกับ Meta, Jaylen Brown และ Travis Scott ถือเป็นสัญญาณแห่งวิวัฒนาการขั้นต่อไปของกีฬา วัฒนธรรม และเทคโนโลยี
  • ปี 2025 ความร่วมมือระหว่าง OAKLEY META PERFORMANCE AI GLASSES และ AXIOM SPACE VISOR ด้วยความมุ่งมั่นไฟแรงที่มากขึ้น เราจึงก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของ Oakley เราร่วมมือกับ Meta โดยผสานอัตลักษณ์ด้านดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเราเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อเปิดตัวแว่นตา AI ประสิทธิภาพสูง Oakley Meta HSTN และ Oakley Meta Vanguard มาพร้อมกับ AI, กล้อง และฟังก์ชันสั่งการด้วยเสียงในตัว แต่เราไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เราก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกด้วยการร่วมมือกับ Axiom Space และ Prada เพื่อร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ในการออกแบบแว่นไวเซอร์ให้กับภารกิจ Artemis III บนดวงจันทร์ของ NASA ซึ่งมีกำหนดออกเดินทางจากโลกในปี 2027 
  • ปี 2025 OAKLEY x TRAVIS SCOTT: เราได้แต่งตั้งศิลปินและผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง Travis Scott ให้เป็น Chief Visionary เพื่อเปิดมุมมองใหม่ให้กับอนาคตด้านความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ และปล่อยแคปซูลแว่นตาที่ออกแบบเฉพาะตัว ผสมผสานความเหนือจริง ความทนทานในสภาพแวดล้อมทะเลทราย และมีกลิ่นอายเหมือนหลุดมาจากโลกไซไฟ

สร้างสรรค์โดยนักกีฬาเพื่อนักกีฬา 
นับตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของแผนกวิจัยและพัฒนา BMX ของ Oakley ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่า Factory Pilot นักกีฬาระดับโลกได้ร่วมเป็นสถาปนิกของแบรนด์ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างไม่มีลิมิต เราร่วมกันผลักดันดีไซน์ นวัตกรรม วัฒนธรรมกีฬา และความสำเร็จของมนุษย์ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ในปัจจุบันนี้ เราทำงานร่วมกับมืออาชีพหลายพันคนเพื่อพัฒนานักกีฬาในหลากหลายสาขากีฬา ตั้งแต่ BMX และจักรยาน ไปจนถึง eSports, NFL, แฟลกฟุตบอล, บาสเกตบอล, เซิร์ฟ, กอล์ฟ และกีฬาอื่นๆ อีกมากมาย ทีม Oakley ยังคงนิยามศักยภาพของมนุษย์ใหม่ ทั้งในและนอกสนาม 

FUTURE GENESIS
ขณะที่เราปูเส้นทางไปสู่ปี 2075 เรายังคงจุดประกายความสำเร็จในอดีตที่ฝังรากลึกอยู่ในอัตลักษณ์อันโดดเด่นของเรา ในอนาคตข้างหน้านั้น เราตั้งเป้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของแบรนด์ เพื่อไปให้ไกลกว่าเทคโนโลยีและวัฒนธรรมปัจจุบัน เราให้คำมั่นสัญญาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของความคิดสร้างสรรค์ด้วยความหวังเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า ในขณะที่กำหนดทิศทางอนาคตบนรากฐานของความสำเร็จจากอดีต

เราจะปรับแต่ง เสริมพลัง และจินตนาการในมุมมองใหม่ๆ อยู่เสมอตลอด 50 ปีข้างหน้า

DOWNLOAD OAKLEY BRAND STORY IMAGES

ZIP 147 MB

CLAIRE BARRY

OAKLEY GLOBAL PR DIRECTOR

แชร์

เกี่ยวกับ Oakley Media Hub